วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

เครื่องไล่หนูยุคโบราณ


                เรามาดูกันหน่อยซิว่าเครื่องไล่หนูนั้นมันมีแบบไหนบ้างที่ใช้แล้วได้ผลหรือว่าใช้แล้วมันไม่ได้ผล เพราะว่าเครื่องไล่หนูนั้นมีหลายแบบมากทั้ง ไม้ไล่หนู ลูกเหม็น หรือไม่ว่าจะเป็นเหล่าสเปรย์ต่างๆ ที่นำเอามากำจัดเจ้าหนูพวกนี้นั้นออกไปจากชีวิตของคุณนั้นเองเอาอย่างนี้ดีกว่าเราจะมาเริ่มกันเลยมั้ยเอ๊ะยังดีกว่าเพราะว่าอยากจะขอเกริ่นนำก่อนอีกซักนิดนึงก่อนที่จะเข้าถึงเนื้อหากัน โดยอยากจะบอกว่าเจ้าหนูนั้นมันเป็นสัตว์ที่ว่าเรียนรู้และปรับสภาพง่ายมากไม่ว่ามันจะเจอกับอะไรมันก็จะรับรู้และเรียนรู้ต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้างได้หมด เพราะอย่างนั้นอุปกรณ์ที่จะไล่มันนั้นมันเลยยังไม่มีตัวไหนที่มันจะได้ผล 100% ซักเท่าไหร่
                หลังจากที่เรารู้แล้วว่าอุปกรณ์ที่จะเอามากำจัดหนู นั้นมีอะไรบ้างวันนี้เราจะมาบอกกันเลยว่าไอเจ้าหนูนั้นมันทำแสบกับแต่ล่ะอุปกรณ์นั้นอย่างไร
1. ไม้ไล่หนู ซึ่งเจ้าไม้เนี้ยผมก็ไม่รู้ว่ามันมีอะไรเป็นพิเศษถึงได้สามารถไล่เจ้าหนูพวกนี้ออกไปได้ ซึ่งในส่วนประกอบของมันนั้นมันไม่มีอะไรเลยนอกจากแท่งไม้เท่านั้นเอง งงไม่ล่ะครับแต่ว่ายังไงมันก็ยังเป็นแค่ไม้เพราะว่าเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนั้นจากไม้ไล่หนูก็กลายเป็นอาหารของหนูนั้นเอง ฮ่าๆๆๆๆ
2. ต่อมาก็จะเป็นลูกเหม็น ลูกเหม็นนั้นก็จะมาแบบเดียวกับไม้ไล่หนูเลยซึ่งไม่มีอะไรประดับเลยเป็นแค่ลูกฟ้ากลมๆเท่านั้นไม่รู้ว่าทำไมมันถึงสามารถไล่หนูได้ แต่พอสุดท้ายก็เป็นแบบไม้ไล่หนูเหมือนเดิมเพราะว่ามันใช้ไม่ได้ผลสุดท้ายก็กลายเป็นอาหารของหนูอีกตามเคย
3. อันนี้คลาสสิคเลยนั้นก็คือกาวดักหนูนั้นเองซึ่งความคลาสสิคของมันนั้นก็คือ เขาจะเอากาวนั้นวางเป็นพื้นแล้วจะเอาอาหารต่างที่เจ้าหนูนั้นฃอบก็จะเอามาล่อให้เจ้าหนูนั้นจะเข้ามาเอาอาหารแล้วก็จะติดกับเพราะว่าตัวของมันและขาของมันนั้นจะติดกับกาวแล้วจะไปไหนไม่ได้ทีนี้แหละเสร็จเราแน่ๆ แต่ก็ยังเป็นอีกวิธีที่ยังไม่ได้ผลเช่นกันเพราะว่าใช่ไปได้ซักพักแล้วนั้นสิ่งที่ทำให้เกิดคำถามว่าหนูมันเอาอาหารออกจากถาดกาวได้ยังไงก็จะเกิดขึ้นเพราะว่าอาหารหายไปแต่ว่าตัวหนูนั้นไม่ติดกาว งง ดิครับ ผมก็งงเหมือนกัน

                เป็นไงล่ะครับเครื่องไล่หนูสุดคลาสสิคที่ใช้มากันหลายสำนักนั้นไม่มีอันไหนที่ใช้กับมันแล้วได้ผลระยะยาวเลยซักอย่างแล้วทีนี้เราจะกำจัดมันยังไงดีผมล่ะกลุ้มจริงๆกับเจ้าหนพวกนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีอุปกรณ์ที่ใช้ไล่มันได้จริงๆซ่ะที เฮ้อๆๆๆๆ

วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

คริสต์มาสเดย์

                วันคริสต์มาสนั้นหลายๆคนก็จะนึกถึงก่อนเลยว่า จะต้องมีลุงที่ใส่ชุดสีแดงนั้นกับยานพาหนะคู่ใจคือ กวางเลนเดีย 2 ตัว พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ได้ยินแล้วทำให้รู้สึกดีและมีรอยยิ้ม กับการที่เฝ้ารอของขวัญที่คุณลุงซานต้านั้นจะหย่อนไว้ใน ไม้ไล่หนู ถุงเท้าสีแดงที่แขวนไว้ข้างเตาผิงไฟนั้นเอง และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้สำหรับวันคริสต์มาสนั้นก็คือ ต้นคริสต์มาส นั้นเองเพราะว่าต้นคริสต์มาสนั้นจะเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาสควบคู่กับซานตาครอสเลยก็ว่าได้
                โดยต้นคริสต์มาสนั้นก็คือต้นสนที่นำเอามาประดับตกแต่งด้วยลูกแอปเปิ้ลและขนมปังเพื่อเป็นการระลึกถึงศีลมหาสนิท และก็ได้มีการวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆจนมาเป็นการประดับไฟสวยๆไฟหลากสีสัน ร่วมกับขนมและของขวัญ อย่างในทุกวันนี้ที่จะเห็นทุกๆปีนั้นเอง ซึ่งการตกแต่งแบบนี้นั้นจะย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 8 นั้นเองเมื่อเซนต์บอนิเฟส มิชชั่นนารีนั้นเป็นชาวอังกฤษที่จะเดินทางไปประกาศเกี่ยวกับเรื่องราวของพระเจ้าในประเทศเยอรมนี ได้ทำการช่วยเด็กที่กำลังจะโดนฆ่าเพื่อเป็นเครื่องสังเวยใต้ต้นโอ๊ค โดยเมื่อทำการโค่นต้นโอ๊คทิ้งแล้วก็ได้พบกับต้นสนเล็กๆ ต้นนึงที่อยู่ใต้ วิธีไล่หนู ต้นโอ๊ก ท่านจึงได้ทำการสั่งให้คนที่ร่วมพิฑีกรรมเหล่านั้นเพื่อที่จะเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตของพวกนั้น และได้ทำการตั้งชื่อว่า ต้นกุมารพระคริสต์นั้นเอง และในครั้งต่อมา มาร์ติน ลูเธอร์ ซึ่งเป็นผู้นำคริสต์จักรชาวเยอรมัน ได้ทำการตัดต้นสนไปตั้งไว้ในบ้านในเดือนธันวา ปี ค.ศ. 1540 และหลังจากนั้นในศตวรรษที่ 19 ต้นคริสต์มาสจึ่งได้เริ่มมีการเผยแพร่ไปสู่ประเทศแถบตะวันตกและทั่วโลก และคงเป็นอีกเหตุผลนึงที่ได้มีการใช้ต้นสนก็อาจจะเป็นเพราะว่าต้นสนนั้นมันหาง่าย

                แต่ในสมัยโบราณนั้นต้นคริสต์มาส จะหมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ซึ่งอาดัมปและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน และได้ทำบาป ไม่คิดที่จะเชื่อฟังพระเจ้า โดยได้ทำตามที่พระคัมภีย์นั้นได้เปรียบเทียบพระเยซูเจ้านั้นเป็นเสมือนต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งจะเป็นต้นไม้ กำจัดหนู ที่จะมีสีเขียวเสมอไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลสื่อถึงนิรันดรภาพของพระเยซู อีกทั้งยังมีความสว่างของพระองค์ยังดูเหมือนแสงเทียนที่ได้ส่องสว่างในความมืด และยังรวมถึงความชื่นชมยินดี และอีกยังเป็นความสามัคคี ที่ท่านพระเยซูประทานให้ เพราะว่าต้นไม้นั้นเป็นจุดศูนย์รวมกับครอบครัวในเทศกาลคริสต์มาสอีกด้วยดังนั้นวันคริสต์มาสก็เปรียบเสมือนวันครอบครัวนั้นเองวันคริสส์มาส

วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

                กาลครั้งนึงนานมาแล้วนั้นได้มีเจ้าหนูตัวนึงที่หลงในรูปร่างของตัวเองนั้นมากว่าตัวเองนั้นหล่อเหล่าเท่กว่าพวกหนูตัวอื่น วันๆมันไม่ทำอะไรเลยเอาแต่ส่องกระจกดูรูปร่างของตัวเอง แล้วเดินโชว์ความงดงามของตัวเองให้เจ้าหนูตัวอื่นมาเห็น จนวันนึงได้มีหนูที่เร่ร่อนเข้ามาที่หมู่บ้าน ซึ่งที่พิเศษคือ วิธีกำจัดหนู มันหน้าตาดีมากๆ อีกทั้งยังเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนอีกด้วยซึ่งทำให้ผู้คนนั้นสนใจมันมาก ทำให้เจ้าหนูจอมอวดนั้นถึงกับอิจฉาตาร้อนขึ้นมาทันใด
                หลังจากที่ได้มีหนูเร่ร่อนเข้ามานั้นด้วยความที่หน้าตาดีแล้วอีกอย่างยังเป็นหนูที่อ่อนน้อมถ่อมตนเลยทำให้มีทั้งสาวๆและผู้คนนั้นรักใคร่ ทำให้เจ้าหนูจอมอวดนั้นเกิดความอิจฉาขึ้นมาทันทีทันใดจึงได้แต่คิดหาวิธีทีจะขับไล่เจ้าหนูตัวนี้ออกไปจากหมู่บ้าน โดยเจ้าหนูจอมอวดนั้นได้แต่หาคิดวิธีที่จะกำจัดเจ้าหนูตัวนั้นได้ออกไปจากบ้านหมู่ แต่ก็เหมือนกับว่าฟ้าดนใจให้ความฝันของเจ้าหนูนั้นเป็นจริงเพราะว่า มีอยู่คืนนึง คืนนั้นเป็นคืนที่เงียบสงบและได้มีการจัดงานประเพณีทุกวันซึ่งเหล่าหนูๆนั้นจะมารวมตัวกันแล้วก็สนุกกับการละเล่น และได้มีการแสดงต่างๆนาๆ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าจะไม่มีหนูตัวไหนนั้นจะอยู่ในบ้านแน่ๆ และในคืนนั้นเองเจ้าหนูจอมอวดนั้นได้เห็นสิ่งที่แปลกๆ ในบ้านของตัวเองเพราะว่าตอนออกจากบ้านนั้น ไล่หนู เจ้าหนูจอมอวดนั้นได้ล็อคบ้านไว้แล้ว แต่ว่าพอกลับบ้านมานั้นจะต้องเห็นบ้านตัวเองนั้นได้ถูกงัดแล้ว ก็ได้แต่ตกใจรีบเข้ามาดูข้าวของว่าของที่บ้านนั้นมีอะไรได้หายไปบ้าง พอเห็นเท่านั้นแหละเจ้าหนูจอมอวดนั้นถึงกับเขาทรุดขึ้นมาทันทีเพราะว่า เงินที่เก็บไว้นั้นได้หายไป แต่สิ่งที่ทำให้ตัวเองโกรธหนักมากเพราะว่าได้เจอหลักฐานคือ เป็นสร้อยคอที่เจ้าหนูเร่ร่อน นั้นชอบใส่ตกไว้ที่บ้านของตัวเอง เจ้าตัวเลยได้ประกาศให้กับหนูทุกตัวได้รู้ว่าเจ้าหนูเร่ร่อนนั้นโขมยของไป แต่ด้วยความที่เจ้าหนูเร่ร่อนนั้นทำตัวเป็นหนูใสซื่อ เลยไม่มีใครสนใจ

                อาจเป็นโดยที่รู้กันว่าเจ้าหนูจอมอวดนั้นอิจฉาเจ้าหนูเร่ร่อนที่มีคนสนใจ และหน้าตาดีกว่า เลยทำให้เจ้าหนูเร่ร่อนนั้นไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็นขโมย วิธีไล่หนู เลยทำให้เจ้าหนูจอมอวดนั้นต้องหน้าแหกไปทั้งที่มีหลักฐานแต่ก็ไม่มีใครเชื่อฟังเพราะว่าเป็นคนที่โอ้อวดนั้นเอง

วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558

คนกับหนู

    วันนี้เป็นวันอังคารที่ 21 มีนาคม 2558 วันนั้นผมตื่นขึ้นมาในยามเช้า แต่พอตื่นมานั้นสิ่งแรกที่ต้องเห็นเมื่อตื่นมานัันคือ กองเจ้าหนูหลายสิบตัวนั้นนอนกินขนมที่ผมลืมเก็บไว้เมื่อคืน ด้วยที่กำลังงัวเงียเลยไม่ได้ตั้งสติตกใจและด้วยที่เป็นคนที่ไม่ค่อยถูกกับเจ้าหนูอยู่แล้วนั้น จึงหันไปหยิบไม้กวาดเขวี้ยงใส่มัน จนกลุ่มหนูนั้นวิ่งกันแตกกระเจิง บางตัวแม่งสู้วิ่งเข้ามาหาผมได้แต่วิ่งแล้วร้องลั้นบ้านเลย ตัวไหนที่ไต่ขึ้นตัวนี้ขอบอกเลยว่า ดิ้นเท่าไหร่มันก็ไม่หลุดไม่รู้มือมันเหนียวมาจากไหน หลังจากบ้าอยู่ตั้งนานพอตั้งสติได้นั้นผมก็เลย นั่งหยุดคิดถึง วิธีกำจัดหนู เพื่อที่จะกำจัดมันออกไปจากชีวิตของเรานั้นจะทำอย่างไรดี ได้แต่คิด คิด แล้วก็คิด แต่ว่าคิดยังไงก็คิดไม่ออก จึงตัดสินใจไปอาบน้ำก่อนเพราะว่า มีหนูบางตัวได้ไต่ขึ้นมาบนตัวเรา หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วนั้น ก็มานั่งดู ทีวีพร้อมกับนั่งคิดว่าเราจะหาวิธียังไงที่จะเอามันออกไปเพราะว่ามันทำลายข้าวของที่บ้านหมด แม้กระทั้งฝาบ้านมันก็ยังไม่เว้น เพราะเห็นมากับตาเลย
    เหตุการณ์เมื่อเช้านั้นมันยังคงฝั่งจำไว้ในหัวตลอดเลย จึงนำไปเล่าและขอกับคำปรึกษากับเพื่อนบ้านหลายๆคน เพราะว่าที่บ้านผมนั้นคล้ายๆกับห้องใต้หลังคา เพราะมันอยู่ใต้หลังคาเยื้องกับชั้นบนสุดของบ้านนั้นเอง ผมได้ลองมาหมดทุกวิธีการแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ไม้ไล่หนู กาวดักหนู หรือว่าจะเป็นบริษัทกำจัดหนูนั้นเอง ก็ยังไม่ได้ผลเลยที่จะไล่มันออกไป เต็มที่ก็ได้แค่ สอง สาม วัน หลังจากที่นำมาใช้ เพราะว่าหนูนั้นมีประสาทสัมผัสที่ไวมาก เมื่อมันได้กลิ่นที่แปลก มันก็ไม่เข้าไปใกล้ แต่หลังจากนั้นพอมันเริ่มชินแล้วนั้น ทุกอย่างที่นำมาใช้นั้นมันจะกลายเป็นที่รับฟันของมันหมดเลย โดยเฉพาะกาวดักหนูนี้ตัวดีเลย ไม่รู้ว่ามันเอาวิธีไหน มันจึงเอาอาหารที่วางแล้วล่อ มันไว้ออกไปได้ โดยที่ขามันนั้นไม่ติดแม้แต่เศษกาวเลย จนแบบว่าท้อแล้วถึงขนาดที่ว่า คุยกับมันเลยเหมือนคนบ้าเลย ว่าต่างคนต่างอยู่เหอะ อีกใจนึงก็งง ว่ากูทำไรลงไปว่ะ
    จนมาถึงวันนี้นั้นเมื่อเวลาผ่านไปสองอาทิตย์ คุณน้าของผมนั้นท่านจับฉลากได้ไปเที่ยวที่ จีน เป็นเวลา 5 วัน ฟรีทั้งครอบครัวผมเลยจึงตัดสินใจทิ้งบ้านที่เราอยู่นั้นปล่อยไว้กับมันก่อน พักเรื่องนั้นเก็บไว้ก่อนแล้วหันเหมาเที่ยวอย่างจริงจังเพราะว่าไม่รู้ว่าจะได้โอกาสแบบนี้อีกทีตอนไหน แต่อันนั้นก็ได้แค่คิดว่ะ เพราะว่าภาพในวันที่มันมาเริงร่าในบ้านของเรานั้นมันยังติดตา กลายเป็นว่าทริปนั้นไม่สนุกเลยเพราะว่า มัวแต่กังวลว่าบ้านของเรานั้นจะเป็นยังไง มั้งได้แตืคิดว่า หนูกลัวอะไร ทำยังไงมันถึงจะไปจากชีวิตเรา